Friday, November 28, 2008

Nostalgia

หนังสือชุดเรื่อง " กาลครั้งหนึ่ง " เป็นหนังสือที่เกิดจากการตั้งคำถามที่ว่า " ทำไมเราถึงมีความรู้สึกเช่นนี้
ในตอนนี้ อะไรที่
ทำให้เรากลายเป็นแบบนี้ในปัจจุบัน " ประสบการณ์จากความทรงจำต่างๆในอดีตนั้นย่อม
มีผลต่ออารมณ์-ความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ในปัจจุบัน มนุษย์ทุกคนล้วนมีอารมณ์ ความรู้สึก
ที่แตกต่างกันออกไป ขี้นอยู่กับเสรีภาพในการคิดการมีประสบการณ์และความเชื่อในตัวของแต่ละคน บาง
คนอาจจะมีประสบการณ์ร่วมกันหรือแตกต่างกันก็ได้ซึ่งคนอ่านนั้นสามารถที่จะเชื่อมโยง กับประสบการณ์
ของตนเองเพราะทุกคนล้วนมีความรัก เกลียด ชอบ กลัว โกรธด้วยกันทั้งสิ้น ผลงานที่ออกมาก็ได้นำเสนอ
ออกมาในรูปแบบของกล่องหีบสมบัติ เปรียบเสมือนกับความรู้สึกต่างๆนั้นได้ถูกสะสมไว้ในหีบๆนี้ ซึ่งแบ่ง
หนังสือออกมาได้ทั้งหมด 8 เรื่องราว โดยแต่ละเรื่องราวนั้นจะถูกนำเสนอออกในรูปแบบที่แตกต่างกันใน
ด้านอารมณ์และความรู้สึกของแต่ละเรื่อง
* ทุกเรื่องราวนำเสนอออกมาในรูปแบบการเล่าเรื่องเพื่อที่จะให้ระลึกถึงอดีตในวัยเด็ก *












ลงในนิตยสาร a day ฉบับที่ 79



ปล. ขอบคุณ อ.มะลิ สำหรับวิธีการคิดงานที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการตั้งคำถาม เริ่มจากปัญหา , การทำ
งานในรูปแบบของการ research ที่เป็นระบบ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับหลายสิ่งหลายอย่าง
ขอบคุณพี่เค สำหรับทุกๆ process ในงานชิ้นนี้
ขอบคุณ อ.อาร์ท สำหรับการแนะแนวในเรื่องการหาความสัมพันธ์ให้มีเหตุมีผลมากขึ้น
ขอบคุณ อ. เก๋ สำหรับการแนะนำหนังสือในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม
และขอบคุณทุกๆคนที่สามารถทำให้งานชิ้นนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี จากสภาวะร่างกายที่ป่วยกระท่อนกระแท่น
ท้ายสุดบอกไปถึงทุกคนในเรื่องการรักษาสุขภาพ อย่าชะล่าใจกับกับการป่วยนิดหน่อยๆ รักษาสุขภาพด้วย

Coffee Pantone

เป็นหนังสือที่พูดถึงกาแฟ กาแฟแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันในเรื่องของความเข้มข้นซึ่งนั่นก็หมายถึง
ความต่างกันในด้านปริมาณของคาเฟอีน โดยในที่นี่มีการเปรียบเทียบของกาแฟด้วยกันทั้งหมด 4 ชนิด
( เอซเปรซโซ่ มอคค่า คาปูชิโน และลาเต้ ) เริ่มจากการเจือจางกาแฟแต่ละชนิดกับน้ำในอัตราส่วนที่เท่ากัน
จากเข้มข้นที่สุดและค่อยๆเจือจางลงไปเรื่อยๆจนใกล้เคียงกับสีใสๆของน้ำเปล่าให้มากที่สุด โดยมีการควบ
คุมน้ำ 10 หยด นับเป็นการเจือจางต่อ 1 ช่องของความเข้มข้นของกาแฟที่เราทดลอง ซึ่งเมื่อทำการเจือจาง
กาแฟทั้งหมด 4 ชนิดเสร็จแล้วก็จะได้ Pantone ที่เกิดจากกาแฟในลักษณะแบบสีน้ำ โดยที่กาแฟแต่ละ
ชนิดนั้นก็จะมีช่องสี Pantone ในจำนวนที่แตกต่างกัน นั่นก็หมายความว่า กาแฟชนิดไหนมีค่าความเข้มข้น
มาก มีปริมาณของคาเฟอีนมาก ก็จะมีช่องสีมากตามไปด้วย











ปล. เป็นงานทดลองที่เกิดขึ้นในวิชา editorial design วิชานี่เรียนสนุกมาก

Thursday, November 27, 2008

My Book

My Book หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของการนำเสนอตัวเอง ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบลายสก็อต มีเสื้อลายสก็อต
เยอะมาก และเวลาที่เพื่อนๆนึกถึงก็จะนึกถึงลายสก็อต จึงนำเสนอออกมาในรูปแบบของเสื้อผ้า ลวดลายที่
เด่นชัดของเรา คือ ลายสก็อตสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาโดยใช้ตารางลายสก็อตเข้ามาช่วยในส่วนของ
กราฟิกหลัก และนำเสนอออกมาในรูปแบบของ catalogue ของใช้ส่วนตัวของตัวเองในรูปแบบที่เรียบง่าย





Relative Script

ออกแบบตัวหนังสือ ก-ฮ จากการหาความสัมพันธ์ร่วมจากลายมือของเพื่อนร่วมห้อง

ลายมือของคนแต่ละคนนั้น เป็นลายเส้นที่อิสระสามารถสะท้อนถึงบุคลิกภาพของคนๆนั้นได้อย่างชัดเจนและ
ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน จึงเกิดความคิดที่จะทดลองหาความสัมพันธ์ร่วมของลายมือเพื่อนในห้อง
( ความสัมพันธ์มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางด้านความเหมือน ทางด้านลายเส้น/
ความแตกต่าง ทางด้านลายเส้น เป็นต้น ) ในที่นี้เลือกที่จะหาความสัมพันธ์ร่วมทางด้านความเหมือนกัน ทาง
ด้านลายเส้นของลายมือ เริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานโครงสร้างตัวอักษรตั้งแต่ ก-ฮ หลังจากนั้นทำแบบ
ฟอร์มการกรอกตัวอักษรให้พอดีในช่องสี่เหลี่ยม เพื่อที่จะเป็นตัวแปรควบคุมในเรื่องขนาดของตัวอักษร แต่ว่า
ขนาดของช่องจะต้องไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป เพื่อที่จะยังคงไว้ถึงความเป็นเอกลักษณ์ของลายมือแต่ละคน
หลังจากนั้นนำตัวอักษรทั้งหมดที่ได้มา ทดลองหาความสัมพันธ์ร่วมทางด้านความเหมือนกันของพื้นที่ลายมือ
ของแต่ละคนเพื่อที่จะออกมาเป็นตัวหนังสือ 1 ชุดที่ได้มาจากลายมือที่เป็นเอกลักษณ์ของเพื่อนๆ










ปล. ยังคงเป็นการทดลองที่ไม่ค่อยให้เวลากับมันมากที่ควร ไว้ว่างๆ จะลองมาปัดฝุ่นดูอีกทีนะ

Traffic Jam

เป็นหนังสือที่เริ่มต้นมาจากโจทย์ที่มี content คือ คำว่า สาม (3) โดยได้นำเสนอออกมาในจุดพูดของสี
3 สี สีที่เราทุกคนสามารถเห็นได้ในชีวิตประจำวัน สีที่แต่ละสีล้วนมีหน้าที่และให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันนั่น
ก็คือ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว สีแดงมักจะใช้สื่อถึงความรู้สึก ความอันตราย ความไม่ปลอดภัย สีเหลือง
มักจะถูกนำมาสื่อในความหมายถึงการเตือน การระมัดระวัง และสีเขียวมักจะถูกนำมาสื่อถึงความปลอดภัย
ความสบายใจ เป็นต้น จึงได้ทำหนังสือขึ้นมาสามเล่มประกอบไปด้วยเล่มสีแดง เล่มสีเหลือง และเล่มสีเขียว
หนังสือแต่ละเล่มภายในก็จะประกอบไปด้วย visual ที่เป็นตัวแทนของแต่ละสีแตกต่างกันไป โดยนำเสนอ
ออกมาในรูปเล่มของ ไฟจราจร ซึ่งคิดว่าน่าจะสามารถเป็นตัวแทนการแบ่งแยกความรู้สึกและความหมาย
ของสีได้อย่างชัดเจน





ปล. สื่อสารยากไปหน่อย คิดว่าคงใช้อารมณ์ส่วนตัวมากเกินไป

The Book of Ruler

content ที่ได้มาจากโจทย์คือ การนำเสนอ ก-ฮ ออกมาในรูปแบบของหนังสือในมุมมองใดก็ได้ จึงเลือกที่
จะนำเสนอออกมาเป็นหนังสือที่พูดถึงในเรื่องของความยาวของแต่ละตัวอักษรที่แตกต่างกัน ความคิดนี้นั้น
เกิดมาจากการที่คิดงานแล้วคิดงานอีกก็คิดไม่ออกซะที นั่งจมอยู่กับตัวอักษร ก-ฮ ที่เขียนไว้มากมายในหน้า
กระดาษสมุด sketch แล้วก็เกิดคำถามขึ้นมาในหัวสมองว่า " ไอ้เวลาที่เรานั่งเขียนตัวอักษรต่างๆเหล่านี้ เรา
จะต้องเปลืองน้ำหมึกหรือเปลืองไส้ดินสอไปมากเท่าไรแล้ว " ตัวอักษรใดที่มีปริมาตรในเรื่องของความยาว
มากหรือน้อยกว่ากัน ดังนั้นจึงเริ่มปฏิบัติการ โดยเลือกฟอน์ตมา 1 ฟอน์ตเพื่อเป็น case study ในการศึกษา
โดยที่ขั้นตอนการทดลองนั่นจะต้องมีการกำหนดขนาดของฟอน์ตให้เท่ากัน แล้วปรินท์ลงบนกระดาษ หลังจาก
นั้นใช้ไม้บรรทัดกระดูงูวัดความยาวของแต่ละตัวอักษร

ผลที่ได้มา ออกมาเป็นหนังสือ ก-ฮ ในรูปแบบของไม้บรรทัด
ทำให้ทราบว่า ตัวอักษรที่มีความยาวสั้นที่สุด คือ ง และ ว ( มีความยาวเท่ากัน ) และตัวอักษรที่มีความยาว
มากที่สุด คือ ฒ

* นี้เป็นผลงานทดลองสั้นๆส่วนตัวในวิชาการเรียน Book Design เพื่อนำเสนอถึงจุดพูดของงานเท่านั้น





ปล. ต้องขอขอบคุณ อ.เก๋ ในเรื่องของวิธีการคิด / ฝึกทำหนังสือในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เรียน
วิชานี้สนุกมากค่ะ

Siam Square

งานวิชาเรียน communication design 4 เรียนกับ อ.มะลิ และ อ. พี เป็นงานที่ให้นำเสนอ siam square
ในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง ซึ่งสามารถนำเสนอออกมาในรูปแบบใดก็ได้ไม่จำกัด

และนี่คือสิ่งที่ได้จากการไปสำรวจมา







ได้สังเกตเห็นสิ่งๆหนึ่งที่มีอยู่ในทุกซอกตรอกซอย ระเกะระกะเต็มไปหมด จนรู้สึกได้ถึงความรกหูรกตา ทำ
ให้พาลคิดไปได้ว่าคนที่มาเดินเล่นทั้งกินและเที่ยว อยู่ในบริเวณนี้นั้นได้ใส่ใจกับสิ่งๆนี้บ้างหรือเปล่า และสิ่ง
ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นั้นนั่นก็คือ สายไฟฟ้า ที่ระโยงระยางกันอยู่เต็มไปหมด





จึงได้เลือกเจ้าสิ่งนี้ล่ะมาเป็นจุดพูดของตัวงาน โดยเห็นว่า คนที่นั่นไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้า หรือ
คนที่เดินมาเที่ยว
เล่นได้สังเกตเห็นสายไฟฟ้าที่มันเยอะแยะไม่ว่าจะกองอยู่บนพื้น หรือว่าห้อยอยู่ตรงหม้อไฟ
นั่นหรือไม่ ?
ซึ่งนั่นก็คือคำถามที่เกิดขี้น ยิ่งมากเท่าไรนั้นก็ยิ่งหมายถึงไฟฟ้าที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละวัน ค่า
ใช้จ่ายไฟฟ้าต่อเดือนมากขึ้นเท่านั้น
ทุกทุกคนล้วนแต่ใส่ใจแต่ในส่วนค่าใช้จ่ายของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้สนใจ
ในส่วนรวมเลยว่ามันจะมากมายมหาศาลแค่ไหน แต่สิ่งที่พูดมานั่นยังคงดูเป็นนามธรรมอยู่ เลยเลือกวิธีการ
นำเสนอในสิ่งที่เราคิดออกมาในรูปแบบของหนังสือ ที่เกิดจากบิลค่าไฟฟ้าหลายๆ
ร้านที่ได้ไปขอมา มารวมกัน
ซึ่งบิลทั้งหมดนั่นไม่เย็บติดกัน เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงการสะสม ว่ามันมากมายแค่ไหน และบิล
ทั้งหมดอยู่ใน
ซองจดหมายที่ทำขึ้นให้เหมือนกับของจริงเวลาที่ส่งบิลค่าไฟฟ้ามาเก็บที่บ้าน




ปล. สนุกดีนะงานชิ้นนี้

Escoffo Coffee

ครั้งแรกกับการออกแบบอัตลักษณ์ขององค์กรในชั้นเรียนสมัยปีสาม งานชิ้นนี้ทำงานเป็นคู่ โดยที่อาจารย์
ให้สมมุติร้านหรือองค์กรใดๆ ก็ได้ขึ้นมา แล้วก็ให้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังจะทำ ในสมัยนั้นเพื่อนๆ
แต่ละคน ต่างก็ตื่นเต้นและสนุกสนานที่ได้คิดว่าจะทำนู่นทำนี่เต็มไปหมด คิดถึงบรรยากาศแบบนั้นจัง แล้ว
ในที่สุดคู่หูเราก็ตกลงกันได้ที่ร้านกาแฟ

ร้านกาแฟ เริ่มจากการตั้งชื่อกันก่อนเลย " Escoffo "
Escoffo เป็นร้านกาแฟที่คิดขึ้นมา เป็นร้านในรูปแบบของ stand alone คำว่า Escoffo นั้นเกิดขึ้นมา
จากคำ 2 คำรวมกันคือ คำว่า Estateกับคำว่า Coffee มีความหมายรวมกันว่า กาแฟชั้นเยื่ยมที่เป็นที่หนึ่ง



แนวความคิดของโลโก้นั่น ได้มาจากรอยคราบของกาแฟเนื่องจากรอยคราบของกาแฟนั่นมักจะเกิดขึ้น
พร้อมๆกับการดื่ม
กาแฟเสมอๆ และเหตุผลที่เลือกใช้คราบกาแฟจริงนั่น ก็เพื่อต้องการให้ได้ความรู้สึกถึง
กลิ่นอายของกาแฟอย่างแท้จริง กรอบสี่เหลื่ยมที่อยู่ด้านนอกนั้นเปรียบเสมือนกับที่รองแก้ว ที่มีเอกลักษณ์
ที่โดดเด่นจากรูปทรงฟรีฟอร์ม เพื่อต้องการสื่อให้รู้สึกถึงความผ่อนคลาย

* สังเกตตัวอักษรคำว่า escoffo ที่เลือกวางอยู่ในตำแหน่งนั่นก็เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการให้เหมือนกับ
ตัว e อักษรตัวแรกของชื่อร้าน นอกจากนั้นแล้วที่รองแก้วกาแฟภายในร้านก็จะมีสีความเข้ม-อ่อนแตกต่าง
กันออกไป แล้วแต่กาแฟที่สั่งยกตัวอย่างเช่น es'presso / es'pucino / es'mocca / es'latte



และนี่คือส่วนหนึ่งของงาน





โฉมหน้าคู่หูดูโอในการทำงานครั้งนี้ คุณเอกราช ศรีเพ็ญ เรียกเค้าสั้นๆว่า เอกี้